คริปโต ถ้าพูดคำนี้ออกมาแน่นอนว่ามีหลายคนที่รู้จักเป็นอย่างดี แต่ก็ยังมีหลายๆคนที่ยังไม่เข้าใจเช่นกัน ปัจจุบันแน่นอนว่าทุกคนรู้จัก สกุลเงินต่างๆ ที่แต่ละประเทศใช้ เช่น ดอลล่าสหรัฐ, บาทไทย, ปอนด์สเตอร์ลิงอังกฤษ, เยนญี่ปุ่น และอื่นๆอีกมากมายหลายสกุลเงิน โดยแต่ละสกุลเงินก็จะมีค่าและอัตราการแลกเปลี่ยนกันแตกต่างออกไป โดยใช้หลายปัจจัยเป็นองค์ประกอบ เช่น 1 ดอลล่าสหรัฐ จะสามารถแลกได้ 35 บาทไทย แต่จะแลกเป็นเงินเยนญี่ปุ่นได้ 144 เยน และสามารถแลกได้ 0.79 ปอนด์สเตอร์ลิงอังกฤษ ในโลกปัจุบันที่อินเตอร์เน็ต ได้เข้ามาสู่ในชีวิตประจำของคนเราทุกคน เราสามารถเชื่อมต่อกับผู้คนไทยทั่วโลก ไม่ว่าจะส่งข้อความ หรือการโทรข้ามประเทศก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพราะ อินเตอร์เน็ตได้เข้ามามีอิธพลมากในยุคปัจจุบัน ไม่แม้แต่การใช้เงิน เราก็มีแอปพลิเคชันธนาคาร หรือ Mobile Banking ไว้คอยใช้งานเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการโอนเงินจ่ายค่าสินค้า การโอนเงินระหว่างบุคล หรือการชำระสินค้าออนไลน์ ต่างก็ต้องใช้งาน Mobile Banking และอินเตอร์เน็ต ย้อนกลับไปในปี 2008 ก็เกิดสกุลเงินดิจิทัลแรกของโลกเกิดขึ้นมาในชื่อ Bitcoin หรือ BTC ก่อนที่ในช่วงตั้งแต่ปี 2008-2020 ที่ผ่านมาก็เกิดสกุลเงินดิจิทัล ในชื่ออื่นๆขึ้นมาอีกมากเช่น Ethereum (ETH), Tether (USDT), Binance Coin (ฺBNB) และอื่นๆอีกเยอะ โดยแต่ละเหรียญก็จะมีมูลค่าแตกต่างกันไป
คริปโตกับเงินตราแตกต่างกันอย่างไร ?
แน่นอนว่าต้องมีคำถามนี้ ขึ้นมาในหัวแน่นอนว่า คริปโตและเงินตราแตกต่างกันอย่างไร? คือ เงินที่เราทุกใช้อยู่ในทุกวันนี้ จะสามารถจับต้องได้และถูกใช้เนื่องจากคำสั่งของรัฐบาลแต่ละประเทศเป็นคนกำหนด นั้นเลยทำให้คุณค่าของเงินจะขึ้นอยู่กับ นโยบายการคลังที่รับผิดชอบในส่วนนี้ ประโยชน์ของมันก็คือช่วยให้ธนาคารกลางสามารถควบคุมเศรษฐกิจได้ดีขึ้นไป เงินตราหรือเงินกระดาษ เป็นสิ่งที่ถูกกฏหมายของทุกประเทศทั่วโลก เพราะรัฐบาลจะควบคุมการผลิตธนบัตร และทำให้มีเสถียรภาพ ทำให้การคลังสามารถดูแลกำกับดูแล และรับมือกับภาวะเศษรฐกอจตกต่ำและภาวะเงินเฟ้อได้ แต่แม้ว่าเงินตรา จะถือว่าเป็นสกุลเงินที่มีเสถียรภาพ แต่ก็ไม่เป็นแบบนั้นเสมอไปเพราะในช่วงเศษฐกิจตกต่ำ อาจจะเห้นข้อเสียในบางข้อ เช่น ธนาคารกลางของแต่ละประเทศ มีการควบคุมนโยบายเข้มงวดมากขึ้น แต่ไม่สามารถหยุดเศรษฐกิจตกต่ำหรือภาวะเงินเฟ้อได้
ในส่วนของ สกุลเงินดิจิทัลหรือ คริปโต (Crypto) คือข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ ที่ใครก็สามารถสร้างขึ้นมาได้ เพื่อเป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้า บริการ หรือแลกเปลี่ยนกับทรัพย์สินดิจิทัล หากผู้ใช้ทั้ง 2 ยอมรับ แม้ว่า สกุลเงินดิจิทัล หรือ ครปโต ยังไม่ถูกนับว่าเป็น “เงินตรา” ที่ธนาคารกลางส่วนใหญ่รับรองอย่างเป็นทางการว่า สามารถใช้ชำระหนี้ได้ตามกฏหมาย แต่ก็มีสกุลเงินดิจิทัลที่ได้รับความนิยม และถูกใช้ด้วยผู้ใช้ทั่วโลก เช่น Bitcoin (BTC), Ethereum (ETH), Tether (USDT), Binance Coin (ฺBNB) โดยการใช้คริปโต มีอัตราการหมุนเวียนที่สามารถเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ซื้อขายได้ทันที และมีค่าธรรมเนียม ในการดำเนินการที่น้อยกว่าระบบเงินตรา และคริปโตยังโดดเด่นในเรื่อง ความเป็นส่วนตัวสูงเนื่องจากผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องเปิดเผยตัวตนเพื่อทำธุรกรรมเหมือนระบบเงินตรา ส่วนข้อเสียคือ สกุลเงินดิจิทัลบางตัวมีราคาที่ผันผวนสูงมาก จะเห้นตัวอย่างได้จาก Bitcoin (BTC) ที่ในปี 2018 มีมูลค่า เหรียญละ 211,000 บาท ต่อมาในช่วงปี 2021 ก็มีราคาสูงถึง เหรียญละ 2,000,000 บาท ต่อมาในปัจุบันปี 2023 มีมูลค่าตกลงมาเหลือ เหรียญละ 1,000,000 บาท ถึงแม้ว่าจะมีเหรียญที่มีค่าผันผวนตลอดเวลา ก็ย่อมมีเหรียญที่ราคาคงที่เช่นกัน อย่าง สกุลเงินดิจิทัล Tether (USDT) ที่มูลค่าเหรียญจะอ้างอิงตามค่าเงิน ดอลล่าสหรัฐ ที่ถือว่าเป็นค่าเงินที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกเช่นกัน
สรุปความแตกต่างของ สกุลเงินดิจิทัล (Crypto) และ เงินตรา
เงินตรา หรือ ธนบัตร | สกุลเงินดิจิทัล หรือ คริปโต | |
---|---|---|
ความหมาย | คือเงินที่ออกโดยรัฐบาลของแต่ละประเทศ ใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน มูลค่ามาจากความสมดุลระหว่างปริมาณความต้องการซื้อสินค้าและบริการ, ปริมาณความต้องการขายสินค้าและบริการ และความน่าเชื่อถือของรัฐบาลและธนาคารกลาง | ทรัพย์สินดิจิทัล ถือว่าเป็นสกุลเงินออนไลน์ที่มีราคาในการซื้อขาบ มีความผันผวนสูงตามกลไกลของตลาด ปัจุบันยังไม่ถือว่าเป็นเงินตราตามกฏหมาย เนื่องจากธนาคารกลางทั่วโลกยังไม่ยอมรับ |
ออกโดย | ธนาคารกลางของแต่ละประเทศ | ออกโดยใครก็ได้ |
กฏหมาย | ถูกกฏหมายในทุกประเทศ | บางประเทศยังไม่ถูกกฏหมาย |
การใช้งาน | มีความหลากหลาก มีสภาพคล่องสูงมาก | การชำระสินค้าและบริการ ยังไม่ครอบคลุมเยอะเท่าเงินตรา |
ความปลอดภัย | เนื่องจาก ถูกเก็บไว้ในธนาคารกลาง จะมีระบบฐานข้อมูล ไว้เก็บข้อมูลสำหรับการทำธุรกรรม จึงสามารถถูกโจมตีหรือแทรกแซงได้ง่าย | เนื่องจากการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้ในการเก็บข้อมูล ซึ่งเป็นการเก็บข้อมูลที่ไม่มีตัวกลาง โดยข้อมูลจะถูกปกป้องและแชรื จัดเก็บเป็นสำเนาไว้ในเครื่องของทุกคนที่ใช้ฐานข้อมูลเดียวกัน ทำให้สามารถตรวจสอบได้ และไม่สามารถแก้ไขข้อมูลได้ จึงมีความปลอดภัยสูง ถูกโจมตีหรือแทรกแซงได้ยากมาก |
การตรวจสอบ | จะถูกเก็บไว้ในบัญชีธนาคาร ทำให้เมื่อมีการทำธุรกรรมใดๆ ธนาคารหรือหน่วยงานของรัฐบาล จะสามารถตรวจสอบย้อนหลังได้หมด | ผู้ที่มีคริปโต จะเก็บไว้ในกระเป๋าเงินดิจิทัลของตนเอง ซึ่งจะไม่มีการเปิดเผยจำนวนเงินที่เก็บไว้ รวมถึงตำแหน่งของกระเป๋าทำให้ไม่สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ |
ฝาก-ถอน คริปโต ผ่านเว็บ Betworld369
ถ้าคุณคือหนึ่งคนที่ถือสกุลเงินดิจิทัลอย่าง Tether (USDT) ตอนนี้คุณสามารถ ฝาก-ถอน ผ่านเว็บไซต์คาสิโนออนไลน์ที่ดีที่สุดอย่าง Betworld369 เว็บตรง ของจริง ที่มีครบทุกเกมเดิมพัน ไม่ว่าจะเป็น แทงบอลออนไลน์, บาคาร่าออนไลน์, สล็อตออนไลน์, ไฮโล, รูเล็ต, เกมโชว์, เสือ-มังกร, เกมยิงปลา และเกมอื่นๆอีกมากมายมากกว่า 500 เกมเดิมพันให้ผู้เล่นทุกคนได้เลือกเล่น และเริ่มต้นเดิมพันเพียงแค่ 1 บาท เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็น แทงบอลเต็ง, บอลสเต็ป, บอลราคาพูล, บอลสูง-ต่ำ ก็เริ่มเดิมพันที่ 1 บาท นอกจากนี้เว้บไซต์ของเรายังมีบริการซื้อหวยและลอตเตอรี่ออนไลน์ ที่เริ่มต้นเพียง 1 บาทเช่นกัน จะซื้อหวย หรือ ลอตเตอรี่ก็ 1 บาท ไม่มีค่าะรรมเนียม ได้เงินเต็ม ไม่มีเลขอั้น และถ้าคุณคือ ผู้เล่นสายเกมคาสิโน เราก็มีค่ายคาสิโนให้บริการมากกว่า 8 ค่ายเกม ที่มีเกมเดิมพันให้เลือกเล่นมากกว่า 100 รูปแบบ ถ้าคุณกำลังมองหาเว็บคาสิโน เว็บตรงที่ไว้ใจได้ ลองให้ BW369 เป็นตัวเลือกแรกของคุณดู เพราะเว็บไซต์ของเรามีแอดมินคอยให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง มีรายการถอนโชว์ที่หน้าเว็บไซต์ เพื่อความมั่นใจของผู้เล่นทุกคน ว่าเล่นเท่าไหร่ก็สามารถถอนเงินได้จริง ตั้งแต่หลัก บาท ไปจนถึงหลักล้าน นอกจากนี้เรายังมีบริการเอาใจผู้เล่นที่ชื่นชอบ เกมกีฬาฟุตบอล เพราะเรามีบริการถ่ายทอดสดฟุตบอลฟรี แบบไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น ทุกได้ทุกคู่ ครบทุกแมตซ์ สมัครสมาชิกง่ายๆเพียง 2 นาที สมัครเลย !